MOROCCO โมร็อคโค นั้นโก้จริงๆ 10 วัน 7 คืน โดยสายการบิน EMIRATES (EK)

- ทัวร์ : Morocco [โมร็อกโค] Europe [ยุโรป]
- เที่ยวเมือง : Casablanca (คาซาบลังกา) Rabat (ราบัต)
- รหัสโปรแกรม : T12818
- Code : GO3CMN-EK002
- ประเภททัวร์ : ทัวร์ต่างประเทศ
- ระยะเวลา : 10 วัน 7 คืน


สนามบินคาซาบลังก้า – ราบัต – เชฟชาอูน – เฟซ – เมืองเก่าเฟซ - เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส – แมกเนส – อิเฟรน – มิเดล – เออร์ฟูด์ – เมอร์ซูก้า (ทะเลทรายซาฮาร่า) ขี่อูฐรับแสงอรุณ เมอร์ซูก้า – ทินเจียร์ - ทอดร้าจอร์จ – วอซาเซท – ไอท์เบนฮาดดู - มาราเกซ– สวนจาร์ดีน มาจอแรล – คาซาบลังก้า – สนามบินคาซาบลังก้า
18 - 27 ก.ย. 68 (พฤ-ส)
10 - 19 ต.ค. 68 (ศ-อา)
14 - 23 พ.ย. 68 (ศ-อา)
02 - 11 ธ.ค. 68 (อ-พฤ)
26 ธ.ค. - 04 ม.ค. 69 (ศ-อา)
รายละเอียดโปรแกรม
สนามบินสุวรรณภูมิ
สนามบินดูไบ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) – คาซาบลังก้า – ราบัต
นำท่านเดินทางสู่ เมืองราบัต (Rabat) เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1956 นำท่านชมเมืองราบัตเมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาในอดีต เมื่อโมร็อคโคหลุดพ้นจากการเข้าแทรกแซงทาง การเมืองของฝรั่งเศสและเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง และทำเนียบทูตานุทูตจากต่างแดน เป็นเมืองสีขาวที่สะอาดและสวยงาม นำท่านชมหอคอยฮัสสัน หรือ สุเหร่าหลวง เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมอันทะเยอทะยานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 โดยหอคอยมีสูงถึง 44 เมตรหรือ 140 ฟุต การก่อสร้างมัสยิดนี้เริ่มขึ้นในปี ค.ศ.1191 ตั้งใจว่าหอคอยแห่งนี้จะกลายเป็นมัสยิดและสุเหร่าที่สูงที่สุดในโลกและเพื่อเฉลิมฉลองการรบชนะของอัลมันซูร์ แต่ทว่า เมื่ออัลมันซูร์เสียชีวิตในปี ค.ศ.1199 การก่อสร้างมัสยิดจึงหยุดลง ชมสุเหร่าหลวง และ พระราชวังหลวง ที่ทุกเที่ยงวันศุกร์ กษัตริย์แห่งโมร็อคโคจะทรงม้าจากพระราชวังมายังสุเหร่าเพื่อประกอบศาสนกิจ ชมสุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ด ที่ 5 พระอัยกาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้าสง่าทุกประตู และเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง ด้านหน้าของสุสาน คือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 แต่ไม่สำเร็จและพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น ในบริเวณกว้าง 183 x 139 เมตร แวะถ่ายรูปป้อมอูดายา (Oudayas Fortress) ป้อมขนาดใหญ่ 2 ชั้น ที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่ เป็นป้อมที่สเปนสร้างขึ้นเมื่อสมัยที่สเปนยึดครองโมร็อคโค ด้านในมีสวนดอกไม้แบบสเปน และเป็น เมดิน่า หรือชุมชนชาวเมืองซึ่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้า-ขาว ที่สะอาดตาน่าเดินเล่น บรรยากาศริมทะเลคล้ายเมืองซานโตรินี นับเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่สำคัญของโมร็อคโค ในอดีตใช้ป้องกันข้าศึกจากการรุกรานทั้งจากประเทศที่ล่าอาณานิคมและในยุคที่โจรสลัดชุกชุม
ราบัต – เชฟชาอุน - เฟซ
นำท่านเดินทางสู่ เชฟชาอูน (Chefchaouen) เมืองที่ได้ชื่อว่ามนต์เสน่ห์แห่งโมร็อคโค (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง) เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ในหุบเขาริฟ (Rif Mountain) ประวัติความเป็นมาของเมืองนั้นยาวนานกว่า 538 ปี เมืองนี้เคยอยู่ใต้การปกครองของสเปนและได้รับอิสรภาพในปี ค.ศ.1956 จนได้รับอิทธิพลวิถีชีวิตและภาษาสเปนในปัจจุบันนี้
นำท่านชมนครสีฟ้าเชฟชาอูน ชมบ้านเรือนทาด้วยสีฟ้าและสีขาว ถือว่าเป็นสวรรค์ของคนรักสีฟ้าและสีขาว โดยเฉพาะสีฟ้า ด้วยเพราะว่าเชฟชาอูนเป็นเมืองที่บ้านเรือนเกือบทุกหลังเป็นสีขา และมีครึ่งล่างไปจนถึงบริเวณถนน บันได และทางเดิน เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนวันที่ท้องฟ้าไร้เมฆ สามารถเดินชมบ้านเรือนได้ทั่วทั้งเมือง โดยที่สถาปัตยกรรมของเมืองยังคงเป็นแบบโมร็อคโค ซุ้มประตูโค้งจึงสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งเมือง และยังมีน้ำพุที่ปูด้วยกระเบื้องโมเสกแบบโมร็อคโคให้เห็นได้ตามมุมต่างๆ ของเมือง พร้อมให้ท่านมีเวลาเดินเลือกซื้อของที่ระลึกในตลาดเมืองเก่า
สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่เมืองเฟซ (Fes) เมืองหลวงเก่าในช่วงศตวรรษที่ 8 ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของโมร็อคโค เส้นทางนี้ผ่านเทือกเขาแอตลาส ชื่อที่คุ้นเคยกันมานาน โดยเดินทางข้าม Middle Atlas ภูมิประเทศเขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ สองข้างทางเปลี่ยนสภาพจากความแห้งแล้วเป็นป่าไม้ พุ่ม และสลับกับความแห้งแล้งของภูเขาจนเข้าสู่เมืองเฟส (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง)
เฟซ – เมืองเก่าเฟซ – เมืองโบราณโวลูบิลิส – แมกเนส – เฟซ
นำท่านชมเมืองเฟส โดยเดินเข้าสู่เขาวงกตอันซับซ้อนแห่งเมดินาเมืองเฟซ ผ่านประตู Bab Bou Jeloud ที่สร้างตั้งแต่ปี 1913 ที่ใช้โมเสดสีฟ้าตกแต่ง เดินผ่านเข้าไปในเขตเมดิน่าแล้วเหมือนข้ามกาลเวลาย้อนสู่อดีต นำท่านเดินผ่านตลาดสดขายข้าวปลาอาหารและผัก ผลไม้สดต่างๆนานา ชม เมเดอร์ซา บูอิมาเนีย (Merdersa Bou Imania) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ที่สวยงามประณีต ในเขตเมืองเก่าได้แบ่งออกเป็น 100 ส่วน มีซอยกว่า 10,000 ซอย มีซอยแคบสุดคือ 50 ซ.ม. ถึงกว้าง 3 เมตร จะแบ่งเป็นย่านต่างๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง จะมีร้านค้าเล็กๆที่หน้าร้านจะมีหม้อ กะทะ อุปกรณ์เครื่องครัว วางแขวนห้อยเต็มไปหมด ย่านขายพรมที่วางเรียงรายอย่างสวยงาม ย่านงานเครื่องจักสาน งานแกะสลักไม้ และย่านเครื่องเทศ (Souk El Attarine) ท่านจะได้สัมผัสทั้งรูป รสและกลิ่นในย่านเครื่องเทศที่มีการจัดเรียงสินค้าได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม ระหว่างที่เดินตามทางในเมดิน่าท่านจะได้พบกับน้ำพุธรรมชาติ (Nejjarine Fountain) เพื่อให้ชาวมุสลิมให้ล้างหน้าล้างมือก่อนเข้าในบริเวณมัสยิด นอกจากนี้ที่ตามซอกมุมอาจเห็นภาพชายสูงอายุหนวดเครารุงรังนั่งแกะสลักไม้ชิ้นเล็กๆอยู่บริเวณตามทางเดินแคบๆในเขตเมืองเก่า บางทีเราก็ยังจะเห็นผู้หญิงที่นี่สวมเสื้อผ้าที่ปิดตั้งแต่หัวจนถึงเท้าจะเห็นได้ก็เฉพาะตาดำอันคมกริบเท่านั้น แวะชมสุสานของมูเล ไอดริสที่ 2 (Moulay Idriss Mausolem II) ที่ชาวโมร็อคโคถือว่าเป็นแหล่งมาแสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์ ชม สุเหร่าใหญ่ไคเราวีน (Kairaouine Mosque) ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมร็อคโค และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว (เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น) จากนั้นนำท่านเดินชมย่านเครื่องหนังและแวะชม บ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก้ ทั้งหมดนี้เป็นเสน่ห์ของการเดินเที่ยวชมเมืองที่ต้องเดินแหวกว่ายเข้าไปในกลุ่มคนชาวพื้นเมือง ช้อปปิ้งสินค้าท้องถิ่น เมืองเฟซจึงเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือนอย่างยิ่ง
นำท่านเดินทางสู่เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (Roman City of Volubilis) ที่ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี ค.ศ.1755 แต่ยังคงเห็นได้ถึงร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีตซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ.1997
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองแมกเนส (Meknes) ชมเมืองแมกเนส (Meknes) หนึ่งในเมืองมรดกโลกรับรองโดยยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1996 อดีตเมืองหลวงในสมัยสุลต่าน มูเล อิสมาอิแห่งราชวงศอ์ะลาวทิ (Alawite Dynasty) ได้ชื่อเป็นกษัตริย์จอมโหดผู้ชื่นชอบการทำสงครามในช่วงศตวรรษที่ 17 ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมืองเมกเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางการ ผลิตมะกอกไวน์และพืชพรรณต่างๆ มีกำแพงเมืองล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาวประมาณ 40 กม. ซึ่งมีประตูเมืองใหญ่โตถึง 7 ประตู แวะชม ประตูบับมันซู เป็นประตูที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด ตกแต่งด้วยโมเสดและกระเบื้องสีเขียวสดบนผนังสีแสด
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับสู่เมืองเฟซ Fez
** ควรจัดเตรียมเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเล็ก เพื่อค้างคืนที่แค้มป์ในทะเลทราย 1 คืน สำหรับวันถัดไป ** หมายเหตุ กรณีที่พักในทะเลทรายห้องพักส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบสไตล์แคมป์ **
เฟซ – อิเฟรน – มิเดล – เออร์ฟูด์ – เมอร์ซูก้า (ทะเลทรายซาฮาร่า)
นำท่านเดินทางผ่านชม เมืองอิเฟรน (Ifrane) เมืองที่ความสูงประมาณ 1,650 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ที่พักตากอากาศซึ่งในอดีตฝรั่งเศสได้มาสร้างขึ้นบริเวณนี้ ในช่วง ค.ศ.1930 บางครั้งเรียกเมืองแห่งนี้ว่า เจนีวาแห่งโมร็อคโค บ้านส่วนใหญ่มีหลังคาสีแดง มีดอกไม้บาน และทะเลสาบสวยงาม เป็นสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน เส้นทางนี้ผ่านเทือกเขาแอตลาส ชื่อที่คุ้นเคยกันมานาน เดินทางข้าม Middle Atlas ภูมิประเทศเขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ สองข้างทางเปลี่ยนสภาพจากความแห้งแล้วเป็นป่าไม้ พุ่ม และสลับกับความแห้งแล้งของภูเขา ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองมิเดล (Midelt)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเออร์ฟูด์ (Erfoud) ซึ่งเป็นโอเอซิสศูนย์กลางการค้าขายของคาราวานซึ่งเดินทางมาจากซาอุดิอาระเบีย และซูดาน เดินทางสู่เมืองเมอร์ซูก้าร์ (แยกสัมภาระสำหรับค้างคืนในทะเลทราย) โดยนำท่านนำท่านนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4 WD ไปท่องทะเลทรายซาฮาร่า “Sahara” เป็นทะเลทรายในทวีปแอฟริกาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากทะเลทรายในทวีปแอนตาร์กติกา) และเป็นทะเลทรายร้อนที่ใหญ่ที่สุดของโลก ณ เมืองเมอร์ซูก้า (Merzouga) ลัดเลาะขอบทะเลทรายสู่เขตซาฮาร่า ผ่านชมชมทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของภูเขาหินที่เต็มไปด้วยซากฟอสซิลของหาอยและแมงกะพรุนโบราณในอดีตเมื่อ 350 ล้านปีก่อน ซึ่งดินแดนแห่งนี้เคยอยู่ใต้ท้องทะเลมาก่อน จึ่งเป็นที่กำเนิดของซากฟอสซิลต่างๆ
ขี่อูฐรับแสงอรุณ - เมอร์ซูก้า – ทินเจียร์ - ทอดร้าจอร์จ - วอซาเซท
ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนำท่านขี่อูฐชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลทรายซาฮาร่า ** พิเศษ รวมค่าขี่อูฐ 1 ท่าน/อูฐ 1 ตัว เป็นบรรยากาศยามเช้าที่คุณจะประทับใจมิรู้ลืม **(กรุณาเตรียมเสื้อกันหนาว)
นำท่านนั่งรถ 4WD สู่เมืองเออร์ฟูด์ เพื่อเปลี่ยนเป็นรถโค้ชปรับอากาศ จากนั้นเดินทางสู่ทอดร้าจอร์จ (Todra Gorge) ชมความงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิส ลำน้ำใสไหลผ่านช่องเขากับหน้าผาสูงชันแปลกตาเป็นแหล่งปีนหน้าผาสำหรับนักเสี่ยงภัยทั้งหลาย เดินทางผ่านสู่เมืองทินเจียร์ (Tinghir) ชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกัน ท่ามกลางความแห้งแล้งแต่ยังมีความชุ่มชื้นของโอเอซิสของต้นปาล์ม เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากวอซาเซท
นำท่านเดินทางสู่ เมืองวอซาเซท (Ouarzazate) เคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ในปี ค.ศ. 1928 ฝรั่งเศสได้ตั้งกองกำลังทหารและพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร วอซาเซทเป็นเมืองถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่แวดล้อมไปด้วยสตูดิโอภาพยนตร์ และมีการพัฒนาพื้นที่ในทะเลทรายเพื่อการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การขี่มอเตอร์ไซด์ อูฐ กิจกรรมผจญภัยกลางทะเลทราย เมืองนี้อยู่ใกล้ภูเขาแอตลาสที่มีหิมะปกคลุมในช่วงฤดูหนาว วอซาเซทอาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่มองหาความแตกต่าง และความผจญภัยที่หาไม่ได้จากที่ไหน วอซาเซทเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของทางตอนใต้ และที่นี่ยังเป็นทางเชื่อมระหว่างเหนือกับใต้ และตะวันออกกับตะวันออก สำหรับนักท่องเที่ยวบางคนที่ชอบรสชาติของความเป็นทางใต้ ณ แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเมืองต่างๆได้ทุกวัน
วอซาเซท – มาราเกซ – ชมโชว์การแสดงพื้นเมือง
แวะถ่ายรูป ป้อมทาเริท Kasbah Taourirt เป็นป้อมแห่งตระกูลกลาวี ซึ่งภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ จำนวนมากซ่อนอยู่เชื่อมต่อกันด้วยถนนเล็กๆ และเส้นทางลับคดเคี้ยวตามอาคารที่เบียดเสียดกัน พระราชวังของตระกูลกลาวี Glaoui Palace ผู้ปกครองมาราเกซ ซึ่งยังมีลวดลายผนังอาคารและรูปแบบสถาปัตยกรรมอันหลากหลายของการสร้างอาคารของชาวเบอร์เบอร์ การออกแบบอาคารซึ่งเหมาะกับความเชื่อและความเป็นอยู่ของเหล่าเจ้าผู้ปกครอง ในยุคของตระกูล Glaoui ที่นี่มีคนงานและคนรับใช้จำนวนหลายร้อยคนจึงต้องมีห้องเป็นจำนวนมาก มีทั้งส่วนที่เป็นวังเก่า ห้องนั่งเล่น ห้องรับรอง ซึ่งองค์การยูเนสโก้ได้ปฏิสังขรณ์ขึ้นมาจากอาคารเดิมเพียง 1 ใน 3 ของอาคารทั้งหมด จากนั้นนำท่านออกเดินทางผ่าน เมืองไอท์ เบนฮาดดู Ait Benhaddou เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องการหารายได้จากกองถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง โดยเฉพาะป้อมที่งดงามและมีความใหญที่สุดในโมร็อคโค ภาคใต้ คือ ป้อมไอท์ เบนฮาดดู Kasbash of Ait Ben Hadou เป็นป้อมหินทรายซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่องที่โด่งดัง อาทิ Lawrence of Arabia, Jesus of Nazareth และ Gladiator ปัจจุบันอยู่ในความดูแลขององค์การยูเนสโก้
เดินทางสู่ เมืองมาราเกช (Marakesh) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่ตั้งอยู่เชิงเขาแอตลาส ในอดีตเมืองโอเอซิสแห่งนี้เป็นที่พักของกองคาราวานอูฐที่มาจากทางตอนใต้ของโมร็อคโค ถือเป็นเมืองชุมทางของพ่อค้าต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นอดีตเมืองหลวงในช่วงสมัยราชวงศ์อัลโมราวิดช่วงศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด สภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือ สองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า Pink City หรือ เมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จึงได้สมญานามว่าเป็น A city of Drama นั่นคือมีความสวยงามดั่งเมืองในละครที่ไม่น่าเป็นชีวิตจริงได้ นำท่านเยี่ยมชม พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace) เป็นพระราชวังของท่านมหาอำมาตย์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุคกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดย Si Moussa สถาปัตยกรรมออกแบบเป็นแนวสมัยใหม่ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น ตัวพระราชวังมีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้นมีการวาดลายบนไม้และประดับประดาด้วยโมเสดเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนมาก จากนั้นนำท่านชม จัตุรัสกลางเมือง Djemaa Fnaa Square ที่มีขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยอาคาร ร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน เดินเล่นถ่ายรูปความมีชีวิตชีวา ที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมร็อคโคขนานแท้ พร้อมจับจ่ายหาซื้อของฝากของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ ได้ที่ ตลาดเก่าที่อยู่รายรอบจัตุรัส
มาราเกซ – สวนจาร์ดีน มาจอแรล – คาซาบลังก้า
นำท่านชม สวนจาร์ดีน มาจอแรล Jardin Majorelle หรือ สวนอีฟแซงต์ โลรองต์ Yves Saint Laurent Gardens ชื่อนี้เป็นที่คุ้นเคยของสาว ๆ ที่ชื่นชอบแฟชั่นสุดหรูของ Yves St. Laurent นักออกแบบแฟชั่นดีไซน์แห่งปารีสประเทศฝรั่งเศส จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองคาซาบลังก้า (Casablanca) นำท่านสู่เมือง คาซาบลังก้า คำว่า 'คาซา' แปลว่า บ้าน และ 'บลังก้า' แปลว่า สีขาว คาซาบลังก้า เป็นเมืองที่คนทั่วโลกรู้จัก และอาจรู้จักมากกว่า 'ราชอาณาจักรโมร็อคโค' ด้วยซ้ำ
นำท่านชมเมืองคาซาบลังก้า (Casablanca) เมืองที่ถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Casablanca ออกฉายในปี ค.ศ.1942 นำท่านถ่ายรูปกับ สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ.1993 ในวาระเฉลิมพระชนม์ครบ 60 พรรษาของกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 แห่งโมร็อกโกเป็นสุเหร่าที่มีขนาดใหญ่มากจุคนได้ 25,000 คนและมีหอคอยสูง 210 เมตร ชมโบถส์ชาวยิว (The Church of our ladies of Lourdes) ภายในมีภาพกระจกสีสวยงามแสดงเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับศาสนา ต่อด้วยจัตุรัสสหประชาชาติ ซึ่งเป็นใจกลางเมืองย่านธุรกิจสำคัญ
คาซาบลังก้า – สนามบินคาซาบลังก้า (โมร็อคโค)
สนามบินดูไบ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) – สนามบินสุวรรณภูมิ
มื้ออาหาร
วันที่ | กำหนดการ | เช้า | กลางวัน | ค่ำ |
---|---|---|---|---|
1 | สนามบินสุวรรณภูมิ | |||
2 | สนามบินดูไบ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) – คาซาบลังก้า – ราบัต | |||
3 | ราบัต – เชฟชาอุน - เฟซ | |||
4 | เฟซ – เมืองเก่าเฟซ – เมืองโบราณโวลูบิลิส – แมกเนส – เฟซ | |||
5 | เฟซ – อิเฟรน – มิเดล – เออร์ฟูด์ – เมอร์ซูก้า (ทะเลทรายซาฮาร่า) | |||
6 | ขี่อูฐรับแสงอรุณ - เมอร์ซูก้า – ทินเจียร์ - ทอดร้าจอร์จ - วอซาเซท | |||
7 | วอซาเซท – มาราเกซ – ชมโชว์การแสดงพื้นเมือง | |||
8 | มาราเกซ – สวนจาร์ดีน มาจอแรล – คาซาบลังก้า | |||
9 | คาซาบลังก้า – สนามบินคาซาบลังก้า (โมร็อคโค) | |||
10 | สนามบินดูไบ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) – สนามบินสุวรรณภูมิ |
รายละเอียดและเงื่อนไข
1. ชำระเงินมัดจำท่านละ 40,000 บาท + ค่าวีซ่า 3,900 บาท (ค่ามัดจำ + ค่าวีซ่า ในกรณีที่ต้องการให้บริษัทยื่นวีซ่าให้) โดยโอนเข้าบัญชี
ที่นั่งจะยืนยันเมื่อได้รับเงินมัดจำแล้วเท่านั้น
***ในกรณีที่ต้องการให้บริษัทยื่นวีซ่าให้
ค่าวีซ่าจะต้องชำระเข้ามาพร้อมค่ามัดจำ***
2. ส่งสำเนาหน้าพาสปอร์ตของผู้ที่เดินทาง
ที่มีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน เพื่อทำการจองคิวยื่นวีซ่า
ภายใน 3 วันนับจากวันจอง
หากไม่ส่งสำเนาหน้าพาสปอร์ตทางบริษัทขออนุญาตยกเลิกการจองทัวร์โดยอัตโนมัติ
3. เมื่อได้รับการยืนยันว่าคณะออกเดินทางได้
ลูกค้าจัดเตรียมเอกสารให้การขอวีซ่าได้ทันที
4. หากท่านที่ต้องการออกตั๋วโดยสารภายในประเทศ
(กรณีลูกค้าอยู่ต่างจังหวัด) ให้ท่านติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนออกบัตรโดยสารทุกครั้ง หากออกบัตรโดยสารโดยมิแจ้งเจ้าหน้าที่
ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
5. การยื่นวีซ่าในแต่ละสถานทูตมีการเตรียมเอกสาร
และมีขั้นตอนการยื่นวีซ่าไม่เหมือนกัน ทั้งแบบหมู่คณะและยื่นรายบุคคล (แสดงตน)
ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการจองได้จากทางเจ้าหน้าที่
6. หากในคณะของท่านมีผู้ต้องการดูแลพิเศษ
นั่งรถเข็น (Wheelchair),
เด็ก, ผู้สูงอายุ, มีโรคประจำตัว
หรือไม่สะดวกใน
การเดินทางท่องเที่ยวในระยะเวลาเกินกว่า 4-5 ชั่วโมงติดต่อกัน
ท่านและครอบครัวต้องให้การดูแลสมาชิกภายในครอบครัวของท่านเอง
เนื่องจากการเดินทางเป็นหมู่คณะ หัวหน้าทัวร์มีความจำเป็นต้องดูแลคณะทัวร์ทั้งหมด
1. ค่าตั๋วเครื่องบิน
ชั้นประหยัด (Economy Class) ที่ระบุวันเดินทางไปกลับพร้อมคณะ
(ในกรณีมีความประสงค์ อยู่ต่อ จะต้องไม่เกินจำนวนวัน และอยู่ภายใต้เงื่อนไขของสายการบิน)
2. ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งตามรายการ
3. ค่ารถโค้ชปรับอากาศนำเที่ยวตามรายการ
4. ค่าห้องพักในโรงแรมตามที่ระบุในรายการหรือเทียบเท่า
5. ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ
6. ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการ
7. ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง
8.
ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม
7% (เฉพาะค่าบริการ)
1. ค่าธรรมเนียมการจัดทำหนังสือเดินทาง
2. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิเช่น ค่าเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษ, ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าธรรมเนียมหนังสือเดินทาง,
ค่าน้ำหนักเกินจากทางสายการบินกำหนดเกินกว่า 30 ก.ก., ค่ารักษาพยาบาล กรณีเกิดการเจ็บป่วยจากโรคประจำตัว, ค่ากระเป๋าเดินทางหรือของมีค่าที่สูญหายในระหว่างการเดินทาง
เป็นต้น
3. ค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีสนามบิน
ในกรณีที่สายการบินมีการปรับขึ้นราคา
4. ค่าบริการยกกระเป๋าในโรงแรม
ซึ่งท่านจะต้องดูแลกระเป๋าและทรัพย์สินด้วยตัวท่านเอง
5. ค่าธรรมเนียมวีซ่าประเทศโมร็อคโคแบบออนไลน์
(3,900 บาท)
6. ค่าทิปพนักงานขับรถและมัคคุเทศก์ท้องถิ่น (50 USD/ท่าน)
7. ค่าทิปหัวหน้าทัวร์จากเมืองไทย
(30 USD/ท่าน)
GO3CMN7NCMNEK250918-1 เดินทางวันที่ 18 กันยายน 2568 - 27 กันยายน 2568
เส้นทาง | วันที่ | เวลา | สายการบิน | ไฟท์บิน |
---|
GO3CMN7NCMNEK251010-1 เดินทางวันที่ 10 ตุลาคม 2568 - 19 ตุลาคม 2568
เส้นทาง | วันที่ | เวลา | สายการบิน | ไฟท์บิน |
---|---|---|---|---|
BKK - DXB | 2025-10-11 - 2025-10-11 | 01:35 - 04:45 | ![]() |
EK385. |
DXB - CMN | 2025-10-11 - 2025-10-11 | 07:30 - 12:45 | ![]() |
EK751 |
CMN - DXB | 2025-10-18 - 2025-10-19 | 14:45 - 01:15 | ![]() |
EK752 |
DXB - BKK | 2025-10-19 - 2025-10-19 | 03:45 - 13:25 | ![]() |
EK376 |
GO3CMN7NCMNEK251114-1 เดินทางวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 - 23 พฤศจิกายน 2568
เส้นทาง | วันที่ | เวลา | สายการบิน | ไฟท์บิน |
---|---|---|---|---|
BKK - DXB | 2025-11-15 - 2025-11-15 | 01:05 - 04:55 | ![]() |
EK385. |
DXB - CMN | 2025-11-15 - 2025-11-15 | 07:25 - 13:10 | ![]() |
EK751 |
CMN - DXB | 2025-11-22 - 2025-11-23 | 15.05 - 01.30 | ![]() |
EK752 |
DXB - BKK | 2025-11-23 - 2025-11-23 | 03:50 - 12:55 | ![]() |
EK376 |
GO3CMN7NCMNEK251202-1 เดินทางวันที่ 02 ธันวาคม 2568 - 11 ธันวาคม 2568
เส้นทาง | วันที่ | เวลา | สายการบิน | ไฟท์บิน |
---|---|---|---|---|
BKK - DXB | 2025-12-03 - 2025-12-03 | 01:05 - 04:55 | ![]() |
EK385. |
DXB - CMN | 2025-12-03 - 2025-12-03 | 07:25 - 13:10 | ![]() |
EK751 |
CMN - DXB | 2025-12-10 - 2025-12-11 | 15:05 - 01:30 | ![]() |
EK752 |
DXB - BKK | 2025-12-11 - 2025-12-11 | 03:50 - 12:55 | ![]() |
EK376 |
GO3CMN7NCMNEK251226-1 เดินทางวันที่ 26 ธันวาคม 2568 - 04 มกราคม 2569
เส้นทาง | วันที่ | เวลา | สายการบิน | ไฟท์บิน |
---|---|---|---|---|
BKK - DXB | 2025-12-27 - 2025-12-27 | 01.05 - 04.55 | ![]() |
EK385. |
DXB - CMN | 2025-12-27 - 2025-12-27 | 07:25 - 13:10 | ![]() |
EK751 |
CMN - DXB | 2026-01-03 - 2026-01-04 | 15:05 - 01:30 | ![]() |
EK752 |
DXB - BKK | 2026-01-04 - 2026-01-04 | 03:50 - 12:55 | ![]() |
EK376 |